ปัญหาฝ้า กระ ทุกเรื่องที่คุณควรรู้ เพื่อรักษาฝ้าอย่างปลอดภัย Freckles problem solved 100%

ปัญหาฝ้า กระ ทุกเรื่องที่คุณควรรู้ เพื่อรักษาฝ้าอย่างปลอดภัย

“ฝ้า” นางเอกที่มาในรูปแบบของตัวร้าย

“ฝ้า” หรือ “Melasma” เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเมลานิน หรือเซลล์เม็ดสีผิวที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังของเรา ซึ่งทุกคนทราบหรือไม่คะว่าจริงๆ แล้ว “ฝ้า”ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องผิว!!!

หากจะบอกว่าสาเหตุการเกิดฝ้านั้นจริงๆ แล้วเป็นการปกป้องผิวของเราจากแสงแดดก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะหลายท่านที่ประสบปัญหาเป็นฝ้าบริเวณผิวหน้าคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าฝ้าเกิดจากผิวได้รับรังสีอัลตร้าไวโอเลต(UV) จากแสงแดด แสงไฟ หรือแสงจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกแรงๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้ผิวจำเป็นต้องผลิตเม็ดสีเมลานินขึ้นมาเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยกรองแสง ช่วยดูดซับรังสียูวีที่อันตรายเหล่านี้ไม่ให้เข้าสู่ผิวของเราโดยตรงเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิวที่ใหญ่กว่าอย่างมะเร็งผิวหนังได้ จนทำให้เกิดเป็น “ฝ้า” ที่มีลักษณะเป็นแถบปื้นสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้มขึ้นบริเวณใบหน้าของเรา โดยมักจะพบบริเวณใบหน้า เนื่องจากมีเซลล์เม็ดสีมากกว่าผิวบริเวณอื่นๆ และมักจะเกิดฝ้าในจุดรับแสงบนใบหน้าอย่างโหนกแก้ม จมูก หน้าผาก และเหนือริมฝีปากได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น

แต่ถึงจะบอกว่าฝ้าไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำร้ายผิว แต่ก็ต้องยอมรับว่าผิวหน้าที่มีปัญหาฝ้านั้นรบกวนต่อความสวยงามพอสมควรเลยทีเดียว แถมปัญหาฝ้ายังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในเพศหญิงได้มากกว่าเพศชายยิ่งในตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือน รวมถึงการรับประทานยาคุมกำเนิด ส่งผลให้ฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจนและโพรเจสเทอโรนเกิดการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีผิว หรือเมลานินมากกว่าปกติทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายอีกด้วย

เมื่อฝ้ากลายเป็นปัญหาผิวที่ใครๆ ต่างก็ต้องการกำจัด การรักษาฝ้าด้วยวิธีต่างๆ จึงเป็นที่นิยมทั้ง เลเซอร์รักษาฝ้า ครีมรักษาฝ้า ยารักษาฝ้า รวมไปถึงวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเองอีกหลากหลายวิธีที่แชร์กันในโลกออนไลน์ ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการรักษาฝ้าแบบเด็ดๆ เห็นผลจริง และสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำมาแชร์กันด้วยล่ะค่ะ แต่ก่อนจะไปถึงวิธีการรักษาฝ้า มาทำความรู้จักกับ “ฝ้า” ให้ลึกขึ้นกว่าเดิมกันก่อนดีกว่า

ประเภทของ “ฝ้า” และการรักษาที่ต่างกัน

เราจำเป็นที่จะต้องจำแนกชนิดและแยกประเภทของฝ้า เพื่อเลือกวิธีการรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุดนะคะ ซึ่งฝ้าแต่ละชนิด ก็มีวิธีการดูแลรักษาฝ้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเภทของฝ้าสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของฝ้า และสาเหตุการเกิดฝ้า

1. ฝ้าตื้น ฝ้าชนิดนี้เกิดที่ผิวชั้นนอก หรือผิวชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม สามารถเห็นขอบของฝ้าได้ชัดเจน และด้วยความที่ฝ้าแบบตื้นเกิดที่ผิวชั้นบนสุดจึงเป็นฝ้าที่พบได้บ่อย เป็นง่าย แต่ก็สามารถรักษาฝ้าให้หายง่ายเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานในการรักษาอีกด้วยล่ะค่ะ

2. ฝ้าลึก ฝ้าแบบลึกสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างจากฝ้าแบบตื้นได้ที่ลักษณะของขอบ ฝ้าชนิดนี้มีขอบเขตของฝ้าไม่ชัดเจน กลืนไปกับผิวเป็นวงกว้างกว่า มีสีน้ำตาล น้ำตาลอมเทา เกิดที่ผิวชั้นหนังแท้ซึ่งจะอยู่ลึกลงไปอีกหนึ่งระดับ ทำให้การรักษาฝ้าประเภทนี้ค่อนข้างยากและใช้เวลานานกว่าฝ้าแบบตื้น

3. ฝ้าผสม ปัญหาที่คนเป็นฝ้าพบได้มากที่สุด คือมีทั้งฝ้าแบบตื้น และฝ้าแบบลึกผสมกัน การรักษาฝ้าประเภทนี้จึงต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้ฝ้าลึกหาย ฝ้าตื้นไม่กลับมาเกิดซ้ำในช่วงเวลาที่กำลังรักษาฝ้าแบบลึก

นอกจากนั้นยังสามารถแบ่งประเภทของฝ้าตามลักษณะการเกิดได้ ดังนี้

1. ฝ้าแดด ฝ้าประเภทนี้มีปัจจัยหลักมาจากรังสี UVA และ UVB ที่มาจากแสงแดด แสงไฟ หรือแสงสีฝ้าที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอย่างคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน สัมผัสกับผิวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้ผิวผลิตเมลานินออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยกรองแสงไม่ให้ทำอันตรายต่อผิว เม็ดสีเมลานินที่เพิ่มจำนวนมากกว่าปกติจึงเกาะตัวหนาอยู่ที่ผิวชั้นบนเกิดเป็นฝ้านั่นเอง

1. ฝ้าแดด ฝ้าประเภทนี้มีปัจจัยหลักมาจากรังสี UVA และ UVB ที่มาจากแสงแดด แสงไฟ หรือแสงสีฝ้าที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอย่างคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน สัมผัสกับผิวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้ผิวผลิตเมลานินออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยกรองแสงไม่ให้ทำอันตรายต่อผิว เม็ดสีเมลานินที่เพิ่มจำนวนมากกว่าปกติจึงเกาะตัวหนาอยู่ที่ผิวชั้นบนเกิดเป็นฝ้านั่นเอง

2. ฝ้าเลือด ฝ้าชนิดนี้แตกต่างจากฝ้าประเภทอื่นๆ เล็กน้อยตรงที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า ทำให้เห็นเป็นรอยเส้นเลือดแตกแขนงบนผิว ซึ่งเกิดจากการขยายตัว การเพิ่ม หรือการเสื่อมสภาพของเส้นเลือดฝอยในผิวชั้นหนังแท้ เมื่อผิวโดนความร้อน หรือแสงแดดจัดจึงมีอาการแดงและเห่อร้อนได้อย่างรวดเร็ว

3. ฝ้าฮอร์โมน ฝ้าชนิดนี้เกิดขึ้นจากความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงที่กระตุ้นให้ผิวผลิตเมลานินออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อต้องเจอกับแสงแดดก็แน่นอนว่าทำให้เกิดฝ้าได้อย่างง่ายดาย โดยความผิดปกติของฮอร์โมนเพศหญิงนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการรับประทานยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ รวมถึงฮออร์โมนที่เปลี่ยนแปลงหลังหมดประจำเดือน

4. ฝ้าจากผิวแพ้ ผิวที่เกิดอาการบาดเจ็บจากการแพ้เครื่องสำอาง แพ้สารเคมี แพ้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ ทำให้ผิวมีการอักเสบ มีแผลบริเวณผิว และจะสังเกตได้ว่าเมื่ออาการเหล่านี้หายมักจะเกิดเป็นรอยดำขึ้นมาแทน ซึ่งนั่นก็คือเมลานินที่ถูกกระตุ้นให้ผลิตขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันให้ผิวที่ยังอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้เองก็อาจทำให้เป็นฝ้าได้หากผิวต้องเจอกับแสงแดดแรงๆ โดยไม่มีการป้องกัน

Top 3 วิธีรักษาฝ้า ยอดนิยม

1. การรักษาฝ้าด้วยการทายา ผู้ที่มีปัญหาฝ้าแบบตื้น สามารถเลือกใช้วิธีการทายารักษาฝ้าในการจัดการกับฝ้าก่อนได้ เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย ไม่รุนแรงต่อผิวและประหยัดที่สุด แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการทายาเป็นประจำอย่างต่อเนื้อตั้งแต่ 60 – 90 วันขึ้นไปจึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนั้นยาที่ใช้รักษาฝ้ามีความเป็นกรดเข้มข้น ทั้งประเภทยาทากลุ่มกรดวิตามินเอหรือเรตินอยด์, ไฮโดรควิโนน, กรดอะซีลาอิก, กรดโคจิก, คอร์ติโคสเตียรอยด์ และ กรดไกลโคลิก ดังนั้นการทายารักษาฝ้าจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ควรหาซื้อยามาใช้เองเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับผิวของเราได้นะคะ

2. การรักษาฝ้าด้วยการผลัดเซลล์ผิว วิธีการรักษาฝ้าที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และแน่นอนว่าวิธีนี้เป็นมิตรกับผิวน้อยกว่าการทายารักษาฝ้า โดยจะเป็นการใช้สารที่เป็นกรด เช่น กรดไกลโคลิก หรือกรดซาลิซิลิก เร่งให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ฝ้าจึงจางลงได้อย่างรวดเร็วกว่าการทายารักษาฝ้า แต่ก็มีผลเสียที่มากกว่าเนื่องจากจะทำให้ผิวหนังบางลงและเสี่ยงต่อการคล้ำเสียและฝ้ากลับมาซ้ำได้ง่ายมากหากไม่ได้ป้องกันผิวจากแสงแดดและแสงสว่างต่างๆ เป็นอย่างดี อีกทั้งการรักษาฝ้าด้วยการผลัดเซลล์ผิวนั้นควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการใช้สารผลัดเซลล์ผิว

3. การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ เลเซอร์รักษาฝ้าถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากเห็นผลได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว อีกทั้งยังเหมาะสมสำหรับการรักษาฝ้าแบบลึก เนื่องจากความยาวคลื่นของเลเซอร์รักษาฝ้าสามารถส่งตรงไปถึงผิวชั้นหนังแท้ได้ ช่วยจัดการกับเม็ดสีผิวที่ทำให้เกิดฝ้าให้สลายตัวเป็นอณุภาคเล็กๆ ด้วยความร้อนและกำจัดออกจากร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ แต่การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์บางชนิดยังพบว่ามีผลในการทำให้ฝ้าจางลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

การเลเซอร์รักษาฝ้า ลดโอกาสเกิดฝ้าซ้ำที่ THE KLINIQUE

จากประสบการณ์ในการดูแลผิวและรักษาฝ้ามากว่า 10 ปี ทำให้เราพบว่าหากรักษาฝ้าด้วยวิธีที่ช่วยเพียงแค่ลดเลือนรอยฝ้าอย่างการใช้ยารักษาฝ้า หรือการเลเซอร์รักษาฝ้า ปัญหาที่ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำมีค่อนข้างสูง จึงทำให้ทีมแพทย์ต้องนำเอาหลากหลายโปรแกรมที่ช่วยดูแลผิวเพื่อการรักษาฝ้าอย่างยั่งยืน เพราะการรักษาฝ้าที่ได้ผล คือการรักษาฝ้าที่ดูแลอย่างครอบคลุม ทั้งป้องกันผิวที่ยังไม่เกิดฝ้าให้มีโอกาสเป็นฝ้าน้อยลง และช่วยรักษาฝ้าที่เกิดขึ้นแล้วอย่างตรงจุด ด้วยเลเซอร์ที่ดีที่สุดในเรื่องการรักษาฝ้า ปิดท้ายด้วยการบำรุงให้ผิวกลับมาแข็งแรง โอกาสกลับมาเป็นฝ้าซ้ำอีกก็จะน้อยลงตามไปด้วย

ป้องกัน…ก่อนเป็นฝ้า

อันดับแรกก่อนที่จะเกิดปัญหาฝ้าขึ้นมา ผิวจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้องที่ดีด้วยผลิตภัณฑ์กันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ในระดับ SPF 50 PA++ ขึ้นไป รวมถึงสร้างภูมิต้านทานให้ผิวจากภายในด้วย “Vitamin MegaDose” วิตามินเพื่อผิวสูตรเข้มข้นพิเศษที่เพิ่มส่วนผสมของ Anti-Oxidants และ Multi-Vitamins วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด ช่วยปกป้องไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ทำให้หลังออกแดดจัดแล้วผิวไม่คล้ำเสีย

แก้ไข…ฟื้นฟูผิว รักษาฝ้า

โปรแกรม Copper Bromide เลเซอร์หน้าใสประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA), ออสเตรเลียและไทยว่ามีความจำเพาะเจาะจงสูง สามารถรักษาได้กับทุกสีผิวอย่างปลอดภัย ไม่เจ็บหรือแสบผิว และไม่ต้องพักฟื้นผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำมาใช้รักษาปัญหาฝ้า กระ โปรแกรมพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยเป็นการผสมระหว่างแสงสีเหลือง 90% ในขณะเดียวกันก็ใช้แสงสีเขียวเติมเต็มอีก 10% เนื่องจากฝ้าเป็นรอยโรคที่มีทั้งความผิดปกติ ของเม็ดสีผิวและเส้นเลือด จึงทำให้การรักษาฝ้าด้วยการผสมผสานแสงเลเซอร์ทั้ง 2 ชนิดแสงสีเขียวจะช่วยลดกำจัดเม็ดสีเมลานิน ในขณะที่แสงสีเหลืองจัดการกับเส้นเลือดฝอย จึงสามารถรักษาฝ้าได้ดีที่สุดและลดโอกาสการกลับมาของฝ้าได้นอกจากนี้ยังไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อข้างเคียงอีกด้วย

โปรแกรม VBeam Laser VBeam นวัตกรรมเลเซอร์ลดรอยแดงที่มีความเที่ยงตรงสูงทั้งในด้านพลังงานและระยะเวลาการปล่อยแสงเลเซอร์ที่แม่นยำ สามารถให้การรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด เห็นผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างชัดเจน และไม่มีบาดแผลหลังการรักษา มีความโดดเด่นในการนำมารักษารอยโรคที่เป็นสีแดง เพราะพลังงานเลเซอร์จะถูกดูดซับโดยอ๊อกซี่ฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นเม็ดสีแดงที่พบในรอยแดง รอยเส้นเลือดที่มีความเสียหายหรือมีการขยายขนาดขึ้น ช่วยให้เส้นเลือดและเม็ดสีดังกล่าวก็จะถูกทำลาย และย่อยสลายไปในระหว่างกระบวนการหายของแผลโดยธรรมชาติของร่างกาย จึงสามารนำมาใช้รักษาฝ้าเลือดได้เป็นอย่างดี

โปรแกรม LaserToning เลเซอร์เพื่อการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ และรอยสัก ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ Q Switched Nd: YAG ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA แสงเลเซอร์นั้นจะมุ่งไปยังตำแหน่งของเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติอย่างฝ้า กระ จุดด่างดำ แล้วทำให้เม็ดสีเมลานินเหล่านั้นแตกกระจายออกเป็นอณุภาคเล็กๆ จากนั้นร่างกายก็จะย่อยสลายเม็ดสีดังกล่าวให้จางลง ช่วยจัดการกับปัญหาเม็ดสีส่วนเกิน เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้จางลงได้ สามารถใช่ในการรักษาฝ้าได้ทั้งแบบตื้นและแบบลึก นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว และคอลลาเจนให้กลับมาดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

บำรุง…เสริมเกราะป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำ

โปรแกรม Cellular Matrix Face นวัตกรรมการดูแลผิวด้วยการสกัด Autologous Growth Factors จากเลือดของแต่ละบุคคลจนได้ออกมาเป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย เมื่อนำมาฉีดบริเวณผิวหน้าก็จะช่วยกระตุ้นให้ผิวได้รับการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพจากภายในอย่างล้ำลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อผิวที่มีความยืดหยุ่นสูง ดูอ่อนเยาว์ ลดและชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เสริมสร้างคุณภาพผิวที่ดี และเมื่อมีผิวที่แข็งแรง มีสุขภาพผิวที่ดีจึงสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำได้

FQA คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาฝ้า

“กระ” คืออะไร? ทำไมเรามักจะได้ยินคำว่า “กระ” คู่กับ “ฝ้า” เสมอ

“กระ” มีสาเหตุการเกิดคล้ายกับการเป็นฝ้า ที่มีสาเหตุหลักมาจากเม็ดสีเมลานินและแสงแดด นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องไปถึงสีผิวด้วย ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าคนที่มีผิวขาวมักมีโอกาสเป็นกระสูงกว่าคนที่มีผิวเข้ม โดยกระจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลกระจายตัวบริเวณผิว ต่างจากฝ้าที่จะมีลักษณะเป็นแถบปื้น กระ พบได้มากบริเวณจมูก หน้าแก้ม และโหนกแก้มเช่นเดียวกับฝ้า และด้วยความที่มีสาเหตุการเกิดและเป็นปัญหาผิวที่มีความใกล้เคียงกัน หลายคนจึงได้รับโชคสองชั้น มีกระและฝ้าทีเดียวพร้อมกันไปแบบแพคคู่ จึงทำให้การรักษาฝ้าและกระมักจะต้องควบคู่กันไปอยู่เสมอ

สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ไหม?

ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ววิธีการรักษาฝ้าให้หายขาดได้ 100% นั้น “ไม่มี” นะคะ เนื่องจากฝ้าเกิดจากกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกายอย่างการผลิดเมลานิน ร่วมกับปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดดที่เราต้องเจอทุกวัน จึงทำให้สิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดก็เพียงแค่รักษาฝ้าที่เกิดขึ้นแล้วให้หายและดูแลผิวให้มีเกราะป้องกันด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด วิตามินผิว ครีมบำรุงผิว หลีกเลี่ยงการปะทะกับแสงแดดโดยตรง ก็สามารถช่วยลดโอกาจที่จะเกิดฝ้าซ้ำได้แล้วล่ะค่ะ

เลือกดูแลผิวให้ห่างไกลจากการเป็นฝ้า รักษาฝ้าอย่างได้ผล ฟื้นบำรุงลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำที่ THE KLINIQUE

THE KLINIQUE

THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ผู้นำอันดับ 1 นวัตกรรมยกกระชับปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย ระดับเอเชียแปซิฟิค ตอบโจทย์ทุกศาสตร์ความงามให้กับ ทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย เพื่อความงามอย่างเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของตัวเอง เน้นประสิทธิภาพการรักษาจากการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และนวัตกรรมทางการแพทย์มาตรฐานสหรัฐอเมริกา USFDA และยุโรป ทั้งนี้ด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า ดูแลรูปร่าง ปัจจุบัน THE KLINIQUE มีเทคโนโลยีท่ีดีที่สุด และได้รับมอบรางวัลผ้นำอันดับ 1 ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติทําให้เดอะคลีนิกค์ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามเรา