เชื่อว่าหลายคนที่เผชิญกับปัญหาฝ้า อาจเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำเลเซอร์ฝ้าแล้ว ทำไมยังไม่หาย?” หรือ “ทำไมฝ้ากลับมาเป็นซ้ำๆ?” ทั้งที่เคยลงทุนทั้งเงินและเวลากับการรักษาไปไม่น้อย แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ใช่เพราะวิธีการรักษาที่ผิดพลาด แต่อาจเกิดจากความเข้าใจที่ว่าการทำเลเซอร์ฝ้าเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับการรักษา ทั้งที่ในความจริงแล้วฝ้าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในรายที่มีฝ้าฝังลึก ฝ้าเรื้อรังมานานหลายปี THE KLINIQUE ชวนทำความเข้าใจเลเซอร์ฝ้า รักษาฝ้าไม่หายจริงหรือไม่? พร้อมแนะนำ 3 โปรแกรมช่วยรักษาฝ้าเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งกว่า
ทำไมฝ้าถึงรักษายาก?
ฝ้า (Melasma) เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่ชื่อว่า Melanocyte ทำงานมากเกินไปเนื่องจากถูกปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดด ฮอร์โมน ความเครียด หรือพันธุกรรม ส่งผลให้เม็ดสีเมลานินสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวในปริมาณมากและกลายเป็นปัญหาฝ้าฝังลึก ความยากของการรักษาฝ้าอยู่ที่ลักษณะของเม็ดสีที่กระจายอยู่หลายระดับความลึก ทั้งผิวชั้นบน (ฝ้าตื้น) ผิวชั้นล่าง (ฝ้าลึก) หรือกระจายทั้งสองแบบ (ฝ้าผสม) ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าการทำเลเซอร์แค่เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับการกำจัดเม็ดสีส่วนเกินเหล่านั้น แต่ในความจริงแล้ว เม็ดสีที่อยู่ลึกหรือเม็ดสีที่ผิวสร้างซ้ำจากภายในจะกลับมาปรากฏใหม่เสมอหากไม่จัดการที่ต้นเหตุ
เลเซอร์รักษาฝ้าอย่างเดียว...เพียงพอหรือไม่?
แม้เลเซอร์จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ลดเม็ดสีเมลานินได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะในกรณีของฝ้าฝังลึกที่ต้นตอของเม็ดสีอยู่ใต้ชั้นผิว การยิงเลเซอร์แค่เพียงอย่างเดียวอาจทำให้รอยฝ้าส่วนที่สังเกตเห็นบนผิวชั้นบนดูจางลง แต่เม็ดสีส่วนที่ยังฝังลึกอาจกลับมาปรากฏซ้ำเมื่อเจอปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดด ฮอร์โมน การนอนหลับพักผ่อนน้อย หรือความเครียด การรักษาฝ้าให้ได้ผลจริงจึงควรใช้เทคนิคการรักษาฝ้าแบบผสมผสาน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
รักษาฝ้าให้ตรงจุด ด้วย 3 โปรแกรมระดับมืออาชีพจาก THE KLINIQUE
- Copper Bromide Laser หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Dual Yellow Laser คือเทคโนโลยีจากประเทศออสเตรเลียที่ออกแบบมาสำหรับผิวที่บอบบาง หรือระคายเคืองได้ง่าย ด้วยการผสานพลังงานแสง 2 ความยาวคลื่น คือ แสงสีเขียว 511 nm สำหรับลดเม็ดสีเมลานินอย่างแม่นยำ และแสงสีเหลือง 578 nm สำหรับลดรอยแดง เส้นเลือดฝอย รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จุดเด่นของโปรแกรม Copper Bromide Laser คือ เป็นโปรแกรมเลเซอร์ฝ้าที่มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสม ไม่ทำให้ผิวบาง และไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าแดด ฝ้าเลือด หรือฝ้าเรื้อรังที่เคยรักษาแล้วระคายเคืองจากเลเซอร์ชนิดอื่น
- PICO Clear Enlighten FX ด้วยการใช้เทคโนโลยี Picosecond ที่สามารถปล่อยพลังงานเลเซอร์เร็วระดับหนึ่งในล้านล้านวินาทีเพื่อตรงเข้าทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อข้างเคียง มาพร้อมกับเทคโนโลยี Advanced Laser Stability ช่วยให้การยิงเลเซอร์แม่นยำขึ้น จึงช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวได้พร้อมกัน จุดเด่นคือสามารถลดเม็ดสีได้ลึกถึงต้นตอ เหมาะสำหรับฝ้าฝังลึกหรือฝ้าเรื้อรังที่รักษายาก เห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-4 สัปดาห์ และสามารถทำร่วมกับการฉีดฝ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- Advance Melasma โปรแกรมฉีดสลายฝ้า ด้วยการฉีดตัวยาสูตรเฉพาะที่ประกอบด้วยสารสำคัญมากถึง 12 ชนิด เช่น วิตามินซี, กรดไฮยาลูโรนิก และเปปไทด์ ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA โดยแพทย์จะฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อช่วยลดการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติพร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เหมาะสำหรับการใช้รักษาฝ้าทุกชนิดทั้งฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม เริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 1 สัปดาห์ สามารถทำร่วมกับโปรแกรมเลเซอร์ฝ้าเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำดูจางลงได้อย่างชัดเจน
การรักษาฝ้าให้ได้ผลจริงควรดูแลร่วมกันทั้งจากภายนอกและภายในอย่างครบด้าน เพื่อช่วยให้รอยฝ้าและจุดด่างดำที่มีอยู่ดูจางลงอย่างชัดเจน พร้อมลดโอกาสการเกิดใหม่ในอนาคต ด้วย 3 โปรแกรมรักษาฝ้าระดับมืออาชีพจาก THE KLINIQUE สนใจปรึกษาปัญหาผิว หรือจองคิวรักษาฝ้าได้แล้วที่ THE KLINIQUE
เพราะความมั่นใจของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique
