Acne(สิว)
สิวเป็นปัญหาสำคัญที่กวนใจใครหลายๆคน ส่งผลกระทบเชิงลบมากมายต่อสภาพจิตใจและทำลายความมั่นใจของคนทั่วโลก พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเพราะฮอร์โมนเพศชายหรือ androgens นั้นเป็นปัจจัยหนึ่งในกลไกการเกิดสิว
สิวคืออะไร?
สิวคือปัญหาผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มหัวดำ หัวขาว หรือ อื่นๆ ขึ้นบริเวณหน้า ลำคอ หน้าอก หลัง หรือ หัวไหล่
สิวมีกี่ประเภท?
สิวเกิดจากอะไร?
- การสร้างไขผิวหนังที่มากผิดปกติ(Excess sebum production) คือ ต่อมไขมันมีการสร้างไขผิวหนังที่มากขึ้นจนทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน(hair follicle)
- การติดเชื้อแบคทีเรีย(Bacterial infection) คือ ติดเชื้อ Propionobacterium acnes หรือที่เรียกว่า “ acnes” ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบจนเกิดเป็นสิว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย(Hormonal changes)
- การเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของระดับฮอร์โมน(hormonal fluctuations) ทำให้เกิดสิวได้โดยเฉพาะช่วงวัยเจริญพันธุ์(puberty) ช่วงเป็นประจำเดือน(menstrual cycles) หรือตั้งครรภ์(pregnancy)
- ฮอร์โมนเพศชายที่มากขึ้นทำให้ต่อมไขมันสร้างไขมันผิว(sebum) ออกมามากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสให้รูขุมขนอุดตันได้ง่าย กล่าวคือ 5-alpha reductase จะเปลี่ยน testosterone ไปเป็น DHT ที่สามารถจับกับตัวรับแบบจำเพาะบนต่อมไขมัน กระตุ้นให้มีการสร้าง sebum เพิ่มขึ้น
- พันธุกรรม(Genetic Factors) มีผลต่อโครงสร้างกรดไขมันชนิด branched fatty acids ใน sebum กล่าวคือ หากมีประวัติปัญหาสิวในครอบครัวก็เพิ่มโอกาสที่ลูกหลานจะเป็นสิวมากกว่าปกติถึง 50-90%
- การใช้ชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อม(Lifestyle and environmental factors)
- การรับประทานอาหารที่กระตุ้นกระบวนการหนาตัวของชั้นหนังกำพร้า(follicular epidermal hyperproliferation) เช่น อาหารหวาน อาหารขยะ หรือ ช็อกโกแลต เป็นต้น
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่ไม่ถูกต้อง
- การสัมผัสกับมลภาวะทางอากาศ
- การรับประทานยาประจำตัวบางชนิดก็สามารถเกิดสิวได้ เช่น lithium, สเตียรอยด์(steroid) หรือ ยากันชัก(anticonvulsants) เป็นต้น
สิวแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ
- สิวอุดตัน(comedones) หรือสิวไขมันอุดตัน เป็นสิวไม่อักเสบประเภทหนึ่ง มีลักษณะสิวหัวนูนออกมาจากผิวหนัง มี 2 ชนิดย่อย คือ สิวอุดตันหัวเปิด(สิวหัวดำ)และสิวอุดตันหัวปิด(สิวหัวขาว)
- สิวอักเสบ(papules) หรือสิวตุ่มแดง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก มีการอักเสบโดยรอบ ถ้าแตะโดนจะรู้สึกเจ็บ
- สิวหัวหนอง(pustules) คือสิวอักเสบที่เป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่และมีหนอง หากกดสิวออกไม่ถูกวิธีอาจทำให้เป็นแผลเป็นได้
- สิวหัวช้าง(Nodules) มักพบบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่อย่างหนาแน่น เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า หน้าอกหรือหลังส่วนบน มีลักษณะเป็นไตอยู่ใต้ผิวหนัง
ระดับความรุนแรงของสิว
ความรุนแรงของสิวแบ่งออกเป็น 4 ระดับ(จากน้อยไปมาก)
- Grade 1 คือ มีสิวอุดตันจำนวนมาก ประกอบด้วยสิวอุดตันหัวเปิดและหัวปิด
- สิวอุดตันหัวเปิด(open comedones) เกิดจากไขผิวหนัง(sebum) ไปอุดตันรูขุมขนด้านบนต่อ skin surface
- สิวอุดตันหัวปิด(closed comedones) เกิดจากการที่ keratin หรือ sebum ไปอุดตันรูขุมขนด้านใต้ต่อ skin surface
- Grade 2 คือ มีสิวอุดตันและสิวอักเสบเล็กน้อย
- Grade 3 คือ มีสิวอุดตัน สิวอักเสบ และสิวหัวหนอง
- Grade 4 คือ มีสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวหนองและสิวหัวช้าง อาจพบรอยแผลเป็นร่วมด้วย
แนวทางการรักษาสิวในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?
- Cleansers ที่มีส่วนผสมของ salicylic acid หรือ benzoyl peroxide สามารถลดปัญหารูขุมขนอุดตันและกระบวนการอักเสบได้
- Topical treatments เช่น ครีม เจล หรือ โลชั่น ที่มีส่วนผสมของ retinoids, ยาฆ่าเชื้อ(antibiotics) หรือ azelaic acid ช่วยควบคุมปัญหาสิวได้
- Topical medications จำพวก retinoids, antibiotics ที่สั่งโดยแพทย์ผิวหนัง
- Retinoic acid แบบครีมหรือเจล ความเข้มข้น 025%, 0.05% หรือ 0.1%
- Antibiotics เช่น clindamycin 1-2%, 1% azithromycin แบบเจลหรือโลชั่น
- Oral medications ในคนไข้ที่มีปัญหาสิวรุนแรง อาจพิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อชนิดรับประทาน การรักษาด้วยฮอร์โมน(hormonal therapies) หรือ ได้รับยา isotretinoin(Accutane)
- กลุ่มยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย หรือยากลุ่ม spironolactone ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะที่ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูงแต่สามารถออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชายได้
- Isotretinoin เป็นยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรง คือ อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการแต่กำเนิด ไขมันในเลือดสูงหรือเลือดกำเดาไหลได้ เป็นต้น
- Chemical peels เพื่อกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วและขจัดเนื้อเยื่อผิวหนังที่มีรูขุมขนอุดตัน
- Microdermabrasion หรือการขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ ลดแผลเป็นจากสิวได้
- Laser or Light therapy เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวและยับยั้งการผลิตไขมันบนใบหน้า
- Extraction หรือการกดสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง
เราจะป้องกันการเกิดสิวได้อย่างไร?
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเป็นประจำ
- ล้างหน้าให้สะอาดด้วย cleanser วันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าและไขมันผิวหนัง
- เลือกใช้สารให้ความชุ่มชื้นกับใบหน้าอย่างเหมาะสม คือ moisturizer กลุ่มที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน(non-comedogenic moisturizers)
- ทาครีมกันแดด SPF 30 เป็นอย่างน้อยเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชและโปรตีนไม่ติดมัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดภาวะเครียดและเพิ่มกระแสเลือดไปเลี้ยงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ
- บริหารจัดการความเครียด เช่น นั่งสมาธิ เล่นโยคะ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิว
- หลีกเลี่ยงการหยิบหรือจับใบหน้า ไม่แกะสิว เพราะอาจทำให้สิวแย่ลงหรือเป็นแผลเป็นจากสิวได้
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บนใบหน้าที่ทำให้เกิดสิว โดยเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ผิวที่ปราศจากไขมัน อุปกรณ์แต่งหน้าหรือ skin care ที่ไม่ทำให้เกิดสิว
- ล้างใบหน้าให้สะอาดเสมอหลังจากออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกมากๆ เพื่อกำจัดคราบสิ่งสกปรก ไขมันผิว เป็นต้น
เพราะความสวยของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique