ข้อแตกต่างของ Botulinum toxin (Botox) แต่ละประเภท

Botox คืออะไร?

            Botulinum toxin(BTX) ใช้ในการรักษารอยย่นหน้าผาก (forehead lines), รอยขมวดคิ้ว (glabella lines) และรอยหางตา (crow’s feet line) โดยออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ยับยั้งการหลั่งของสารสื่อประสาท Acetylcholine(Ach) จาก motor neuron ทำให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งหากได้ในปริมาณน้อยอย่างพอเหมาะ จะช่วยให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลงและทำให้ผิวหน้าดูกระชับมากขึ้น

สาร botulinum toxin สกัดมาจากเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกที่มีชื่อว่า Clostidium botulinum ซึ่งมีน้ำหนักโมเลกุลเท่ากับ 150 kDa(kilodalton) ประกอบไปด้วย light chain 50kDa และ heavy chain 100kDa สามารถอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 3-8 เดือน โดยจะสลายไปได้เองภายใน 6-12 เดือน

ปัจจุบันมีหลาย serotype เช่น A,B,C,D,E,F,G เป็นต้น โดยแต่ละ serotype จะแตกต่างกันที่ light chain อย่างไรก็ดี serotype ที่ใช้ทางคลินิก คือ botulinum toxin A และ botulinum toxin B

              Botulinum toxin A ที่ได้รับการรับรองโดย US FDA ได้แก่ abobotulinumtoxin A, incobotulinumtoxinA และ onabotulinumtoxinA ซึ่งมีความแตกต่างกันที่น้ำหนักโมเลกุล กระบวนการผลิต เป็นต้น

  1. Onabotulinumtoxin A คือ botulinum toxin type A ที่มีการรวมตัวกับ hemagglutinin เป็นตัวแรกที่ผ่านการรับรองจาก US FDA
  2. Abobotulinumtoxin A คือ botulinum toxin type A ชนิดที่2 ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA มีน้ำหนักโมเลกุลอยู่ที่ 400-500 kDa (botulinum toxin A + complexing protein)
  3. Incobotulinumtoxin A คือ botulinum toxin ที่อยู่ในรูปของโมเลกุลอิสระ(free form) กล่าวคือไม่ได้รวมตัวกับ protein อื่นๆ


ตารางแสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของ bolutinum toxin A แต่ละชนิด


ข้อบ่งชี้ของการฉีด botulinum toxin A

              จากข้อบ่งชี้ที่ระบุไว้โดย US FDA พบว่า abobotulinum toxin A มีข้อบ่งชี้ทางความงามได้แก่ รอยหางตา, รอยขมวดคิ้ว ส่วน incobotulinum toxin A มีข้อบ่งชี้ทางความงามได้แก่ รอยขมวดคิ้ว และ onabotulinum toxin A มีข้อบ่งชี้ทางความงามได้แก่ รอยหางตา, รอยขมวดคิ้ว เป็นต้น             

ปัญหาอื่นๆ เช่น ผิวหย่อนคล้อย(skin laxity), masseter hypertrophy ยังเป็นการใช้ในลักษณะ off-label use


ตารางแสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของ bolutinum toxin A และ B แต่ละชนิด


Botox อเมริกา กับ Botox เกาหลี แตกต่างกันอย่างไร?

              ทั้ง Botox อเมริกา และ Botox เกาหลี มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความบริสุทธิ์ของตัวยา ขนาดของโมเลกุล อายุการใช้งาน การกระจายของตัวยา หรือชนิดของ protein complex เป็นต้น


ตารางแสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของ Botox อเมริกา กับ Botox เกาหลี


การเตรียมตัวก่อนฉีด botox

  • ศึกษาข้อมูล botoxตามแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์เฉพาะทาง
  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาของผู้ป่วยเป็นรายๆ(Personalization)
  • ฉีด botox ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น
  • ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมยาให้ดูต่อหน้า
  • งดยากลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด
  • งดสครับผิวก่อนทำหัตถการประมาณ 2-3 วัน


ข้อดีของการฉีด botox

  • ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวมากขึ้นได้
  • แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้
  • เห็นผลทันทีหลังทำหัตถการ หรือที่เรียกว่า “Lunch time beauty” คือ สวยได้แม้กระทั่งช่วงพักกลางวัน
  • หลังฉีดสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ


คำแนะนำหลังฉีด botox

  • หลังฉีดควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
  • รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี
  • หลีกเลี่ยงการนอนราบประมาณ 3 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  • หลังฉีดเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 วัน สำหรับริ้วรอยตื้นๆ และ 7-14 วันสำหรับริ้วรอยร่องลึก
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน(ขึ้นกับคนไข้แต่ละบุคคล)
  • การฉีด botox เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่

THE KLINIQUE

THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ผู้นำอันดับ 1 นวัตกรรมยกกระชับปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย ระดับเอเชียแปซิฟิค ตอบโจทย์ทุกศาสตร์ความงามให้กับ ทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย เพื่อความงามอย่างเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของตัวเอง เน้นประสิทธิภาพการรักษาจากการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และนวัตกรรมทางการแพทย์มาตรฐานสหรัฐอเมริกา USFDA และยุโรป ทั้งนี้ด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า ดูแลรูปร่าง ปัจจุบัน THE KLINIQUE มีเทคโนโลยีท่ีดีที่สุด และได้รับมอบรางวัลผ้นำอันดับ 1 ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติทําให้เดอะคลีนิกค์ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามเรา