"ฝ้า" หรือ "Melasma" เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเมลานิน หรือเซลล์เม็ดสีผิว โดยอาจถูกกระตุ้นจากรังสี UV แสงแดด แสงไฟแรง ๆ รวมถึงอาจเกี่ยวเนื่องไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ได้ด้วยเช่นกัน มีลักษณะเป็นปื้นสีเข้มขึ้นบนผิวบริเวณใบหน้า โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก คอ หรือบริเวณอื่น ๆ ที่โอกาสเจอกับแสงแดดหรือแสงไฟแรง ๆ โดยตรง
ปัญหาที่คุณแม่หลังคลอดต้องเจอ
การตั้งครรภ์และหลังการคลอดลูกทำให้คุณแม่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลายอย่างทั้งในส่วนของร่างกายและภาวะอารมณ์ โดยปัญหาทางร่างกายที่พบได้กับคุณแม่หลังคลอดทุกคนจะเป็นเรื่องปัญหารูปร่าง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา หน้าท้องหย่อนคล้อยขาดความกระชับจากการขยายตัวช่วงตั้งครรภ์ซึ่งทำให้เกิดผิวแตกลายร่วมด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกันมาจากการตั้งครรภ์อย่างภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนที่อาจส่งผลให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ สุดท้ายที่เหล่าคุณแม่หลังคลอดทุกคนต้องเจอคือปัญหาผมร่วงและปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณโดยมักพบว่าระหว่างตั้งครรภ์ต่อเนื่องไปจนถึงหลังคลอดมักเกิดรอยดำตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณคอและข้อพับต่าง ๆ เกี่ยวเนื่องไปกับปัญหา “ฝ้าหลังคลอด” ที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่เป็นกังวลมากเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากการรักษาให้หายยากกว่าปัญหาหลังคลอดอื่น ๆ อีกทั้งยังเสี่ยงกลายเป็นปัญหาฝ้าถาวร ลบไม่ออก ยากต่อการแก้ไขอีกด้วยล่ะค่ะ
“ฝ้าหลังคลอด” เกิดจากอะไร?
โดยปกติปัญหาฝ้าส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผิวสัมผัสรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตหรือ รังสี UV ที่มาจากแสงแดดหรือแสงไฟแรง ๆ กระตุ้นให้เกิดการทำงานของเม็ดสีผิว หรือ เมลานินที่ทำหน้าที่ในการปกป้องผิวจากรังสี UV ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นปื้นสีเข้มหรือฝ้าขึ้นในบริเวณที่ปะทะกับรังสี UV โดยตรงอย่างบริเวณโหนกแก้ม หน้าแก้ม หรือบริเวณหน้าผากขึ้นมาได้
แต่ปัญหาฝ้าหลังคลอดที่เหล่าคุณแม่ต้องพบเจอเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลให้การสร้างเม็ดสีผิว หรือ เมลานินเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติจึงทำให้เกิดเป็นรอยดำตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงเกิดเป็นฝ้าบริเวณใบหน้าด้วย ดังนั้นฝ้าหลังคลอดจึงถือเป็นฝ้าฮอร์โมนนั่นเองล่ะค่ะ
ประเภทของ “ฝ้า”
- ฝ้าตื้น ฝ้าชนิดนี้เกิดที่ผิวชั้นนอก หรือผิวชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม สามารถเห็นขอบของฝ้าได้ชัดเจน และด้วยความที่ฝ้าแบบตื้นเกิดที่ผิวชั้นบนสุดจึงเป็นฝ้าที่พบได้บ่อย เป็นง่าย แต่ก็สามารถรักษาฝ้าให้หายง่ายเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานในการรักษาอีกด้วยล่ะค่ะ
- ฝ้าลึก ฝ้าแบบลึกสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างจากฝ้าแบบตื้นได้ที่ลักษณะของขอบ ฝ้าชนิดนี้มีขอบเขตของฝ้าไม่ชัดเจน กลืนไปกับผิวเป็นวงกว้างกว่า มีสีน้ำตาล น้ำตาลอมเทา เกิดที่ผิวชั้นหนังแท้ซึ่งจะอยู่ลึกลงไปอีกหนึ่งระดับ ทำให้การรักษาฝ้าประเภทนี้ค่อนข้างยากและใช้เวลานานกว่าฝ้าแบบตื้น
- ฝ้าผสม ปัญหาที่คนเป็นฝ้าพบได้มากที่สุด คือมีทั้งฝ้าแบบตื้น และฝ้าแบบลึกผสมกัน การรักษาฝ้าประเภทนี้จึงต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้ฝ้าลึกหายและฝ้าตื้นไม่กลับมาเกิดซ้ำในช่วงเวลาที่กำลังรักษาฝ้าแบบลึก
ดูแล “ฝ้าหลังคลอด” ก่อนกลายเป็น “ฝ้าถาวร”
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเริ่มป้องกันการเกิดฝ้าหลังคลอดด้วยผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันการเกิดฝ้าระหว่างการตั้งครรภ์และฝ้าหลังคลอดก็ยังเป็นไปได้ยากเนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามธรรมชาติของการตั้งครรภ์ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าหลังคลอดได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาผิวเป็นฝ้าหลังคลอดขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่คุณแม่ ๆ ควรทำคือการป้องกันไม่ให้ปัญหาฝ้าลุกลามและมีสีเข้มขึ้นจนกลายเป็นฝ้าลึกยากต่อการรักษามากขึ้นไปอีกจึงต้องลดปัจจัยการเพิ่มขึ้นของฝ้าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอยู่เสมอแม้อยู่ในที่ร่มก็ตามเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสี UV ร่วมไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมหลักอย่าง AHA, BHA, Kojic acid และ Arbutin เป็นต้น รวมถึงทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, C และ E ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันและลดเลือนรอยฝ้าในระยะเริ่มต้นได้
วิธีรักษาฝ้าหลังคลอดของ THE KLINIQUE ที่ทีมแพทย์ลงความเห็นว่าเห็นผลการรักษาฝ้าได้ดีและลดการกลับมาของฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Step 1 ลดเลือนรอยฝ้า
โปรแกรม PICO Clear Enlighten FX
นวัตกรรมเลเซอร์เพื่อการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ และรอยสักที่ได้รับการรับรองจาก US FDA และวงการการแพทย์ทั่วโลก โดยเลเซอร์ความเร็ว 1 ต่อ 1 ล้านล้านวินาที(Picosecond) จะมุ่งไปยังตำแหน่งของเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติอย่างฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้เม็ดสีเมลานินเหล่านั้นแตกกระจายออกเป็นอนุภาคเล็กโมเลกุลละเอียดมากกว่าเลเซอร์ลดเม็ดสีแบบเดิมส่งผลให้ร่างกายก็จะกำจัดเม็ดสีดังกล่าวให้จางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย ช่วยจัดการกับปัญหาเม็ดสีส่วนเกิน เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้จางลงได้ สามารถใช้ในการรักษาฝ้าได้ทั้งแบบตื้นและแบบลึก นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว และคอลลาเจนให้กลับมาดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
Step 2 ป้องกันฝ้าเกิดซ้ำ
โปรแกรม Copper Bromide
โปรแกรมพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยเป็นการผสมระหว่างแสงสีเหลือง 90% ในขณะเดียวกันก็ใช้แสงสีเขียวเติมเต็มอีก 10% เนื่องจากฝ้าเป็นรอยโรคที่มีทั้งความผิดปกติ ของเม็ดสีผิวและเส้นเลือด จึงทำให้การรักษาฝ้าด้วยการผสมผสานแสงเลเซอร์ทั้ง 2 ชนิดแสงสีเขียวจะช่วยลดกำจัดเม็ดสีเมลานิน ในขณะที่แสงสีเหลืองทำหน้าที่จัดการกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่คล้ายท่อลำเลียงส่งสารอาหารมาหล่อเลี้ยงฝ้าช่วยให้ฝ้าที่จางลงจากการทำ PICO Clear Enlighten FX มีโอกาสกลับมาเกิดซ้ำได้น้อยลง
Step 3 ฟื้นฟูผิวแข็งแรง
โปรแกรม Cellular Matrix
นวัตกรรมการดูแลผิวด้วยการสกัด Autologous Growth Factors จากเลือดของแต่ละบุคคลจนได้ออกมาเป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างและฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย เมื่อนำมาฉีดบริเวณผิวหน้าก็จะช่วยกระตุ้นให้ผิวได้รับการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพจากภายในอย่างล้ำลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อผิวที่มีความยืดหยุ่นสูง ดูอ่อนเยาว์ ลดและชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เสริมสร้างคุณภาพผิวที่ดี และเมื่อมีผิวที่แข็งแรง มีสุขภาพผิวที่ดีจึงสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำได้
เพราะความสวยของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique
