

เมื่อพูดเรื่องเส้นผมก็นับว่าเป็นเรื่องคู่กันกับผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มที่รักการดูแลเส้นผม ชื่นชอบการดัด หนีบ ม้วน หรือทำสีเพื่อให้ผมดูสวยมีสไตล์อยู่เสมอ แต่หากวันหนึ่งเส้นผมที่เคยดกดำกลับหลุดร่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มบางลงอย่างเห็นได้ชัด ก็อาจรู้สึกหมดความมั่นใจจนแทบไม่อยากออกไปพบปะผู้คน THE KLINIQUE ชวนสาวๆ มาดูให้ชัดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดผมร่วง ผมบางในผู้หญิง พร้อมแนะนำวิธีดูแลและฟื้นฟูเส้นผมอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจในทรงผมของตนเองได้อีกครั้ง
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในผู้หญิง
ปัญหาเส้นผมร่วง ผมบาง ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ชายเท่านั้น เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังเผชิญกับปัญหาผมหลุดร่วงเรื้อรังเช่นกัน โดยมีข้อมูลระบุว่าผู้หญิงมากถึง 1 ใน 3 เคยประสบกับภาวะผมร่วงหรือผมบาง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ผมบางจากพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางในผู้หญิง ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุยีนที่เกี่ยวข้องได้อย่างชัดเจนแต่พบว่ามีผลต่อวงจรชีวิตของเส้นผม โดยทำให้ระยะเจริญของเส้นผมลดลง และระยะพักที่เส้นผมจะงอกชุดใหม่นานขึ้น ทำให้เส้นผมที่บริเวณกลางศีรษะของผู้หญิงจะค่อยๆ บางลง จนมองเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจน ในขณะที่แนวไรผมด้านหน้ามักยังคงอยู่ ตามรูปแบบ Female Pattern Hair Loss
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของเพศหญิง มักเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด ก่อนเข้าสู่วัยทอง ในผู้ที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน หรือผู้ที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจรบกวนวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้เกิดผมร่วงมากกว่าปกติ
- ความเครียดสะสม ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากเกินไป จนรบกวนวงจรเส้นผมและทำให้ผมร่วงมากกว่าปกติ
- โภชนาการไม่เหมาะสม การขาดสารอาหารจำเป็น เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี หรือไบโอติน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความแข็งแรงของรากผม อาจทำให้เส้นผมเปราะบาง ขาด และหลุดร่วงได้ง่าย
- พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น การใช้ความร้อนจัดในการหนีบผม การมัดผมแน่น การยืด ดัด หรือทำสีบ่อยๆ ล้วนส่งผมให้รากผมอ่อนแอ ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น
- ภาวะสุขภาพและโรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ โลหิตจาง การใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกาย และอาจเกิดผลข้างเคียงบางอย่างจนทำให้ผมร่วงมาก ผมบาง


ผมร่วง ผมบางในผู้หญิงและผู้ชาย มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร?
แม้ภาวะผมร่วงหรือผมบางจะเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่ลักษณะของปัญหากลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในผู้หญิงมักเริ่มจากผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะแนวแสกกลางที่ค่อย ๆ กว้างขึ้นจนสามารถมองเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจน ขณะที่แนวไรผมด้านหน้ายังคงเดิม ไม่ถอยร่นมากนัก ในทางกลับกัน ผู้ชายมักเริ่มมีปัญหาจากแนวไรผมบริเวณขมับที่ค่อยๆ ถอยร่นขึ้น จนกลายเป็นรูปตัว M จากนั้นจะเริ่มเห็นจุดหัวล้านบริเวณกลางศีรษะ และเมื่อภาวะรุนแรงมากขึ้น เส้นผมบริเวณด้านหน้าและกลางศีรษะจะค่อยๆ เชื่อมต่อกัน จนเหลือผมเพียงรอบข้างและท้ายทอยเท่านั้น
กลุ่มเสี่ยงผมร่วง หัวล้านในผู้หญิง
แม้ปัญหาผมร่วงในผู้หญิงอาจพบได้ทั่วไป แต่ก็มีบางกลุ่มที่มีแนวโน้มเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ดังนี้
- ผู้หญิงวัย 30 ขึ้นไป โดยเฉพาะในช่วงที่ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง
- ผู้ที่เคยมีประวัติคนในครอบครัวหัวล้าน หากมีญาติสายตรงที่เคยประสบภาวะผมบางหรือหัวล้านจากกรรมพันธุ์ ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะเดียวกัน
- คุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังคลอดเนื่องจากระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ลดน้ำหนักตัวลงอย่างรวดเร็วด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม ทั้งการอดอาหาร หรือการออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ผู้ที่มีภาวะเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะ เช่น รังแค หนังศีรษะอักเสบ และติดเชื้อ
ผมบาง ผมร่วงมากแค่ไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ? เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
โดยปกติแล้วมนุษย์มีเส้นผมบนหนังศีรษะประมาณ 100,000 เส้น และจะมีการผลัดผมตามธรรมชาติราว 50-100 เส้นต่อวัน หากพบว่าจำนวนเส้นผมที่ร่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมร่วงเกิน 100-150 เส้น/วัน ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจนผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการคัน แสบ มีแผลที่หนังศีรษะ หรือผมร่วงเป็นหย่อมๆ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากขึ้น


วิธีดูแลและแก้ปัญหาผมร่วงในผู้หญิง
การดูแลแก้ไขปัญหาผมร่วงมาก ผมบาง เพื่อป้องกันภาวะหัวล้านก่อนวัยในผู้หญิงจำเป็นต้องดูแลร่วมกันแบบองค์รวม ทั้งจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การดูแลเส้นผมให้เหมาะสม และอาจพึ่งพาวิธีรักษาทางการแพทย์เมื่อปัญหาผมร่วง ผมบางมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
- ปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้เหมาะสม ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรัง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสมดุลของระบบฮอร์โมนในร่างกาย
- บำรุงจากภายในด้วยโภชนาการที่ดี ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก ไบโอติน วิตามินบีรวม และสังกะสี ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม การใช้ความร้อนจัดกับเส้นผม เช่น ไดร์ผม หนีบ หรือม้วนผม การทำเคมี เช่น ยืด ดัด การกัดและทำสีผม และควรหลีกเลี่ยงการทำทรงผมที่ต้องมัด หรือผูกผมให้แน่นเพราะอาจทำให้รากผมอ่อนแอมากขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมอย่างอ่อนโยน เลือกแชมพู เซรั่ม หรือทรีตเมนต์ที่ไม่มีซัลเฟต พาราเบน หรือแอลกอฮอล์รุนแรง เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้งหรือระคายเคือง และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เช่น เซรั่มปลูกผม หรือโทนิคบำรุงหนังศีรษะ
- การใช้ยารักษาผมร่วงตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยา Minoxidil แบบทาและแบบทาน เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่บริเวณหนังศีรษะ และยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม, ยา Spironolactone เพื่อรักษาผมร่วงในผู้หญิงที่มีภาวะฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้ทานอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผม เช่น ไบโอติน สังกะสี กรดโฟลิก และธาตุเหล็ก
- พึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ในกรณีที่มีปัญหาผมร่วงเรื้อรัง เส้นผมบางมาก และไม่ตอบสนองต่อการดูแลทั่วไป แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยหัตถการที่เหมาะสมในแต่ละรายบุคคล เช่น การทำ PRP, การทำ Meso hair, เลเซอร์กระตุ้นรากผม (LLLT) หรือโปรแกรมปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น เทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) และ DHI (Direct Hair Implantation)
หยุดปัญหาผมร่วง ผมบางตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนปัญหาลุกลามใหญ่โตจนทำให้เกิดภาวะหัวล้านก่อนวัย หากสังเกตว่ามีผมร่วงมากกว่า 100-150 เส้นติดต่อกันเป็นเวลานาน ผมกลางศีรษะบางลงจนมองเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม เพราะยิ่งเริ่มดูแลเร็วเท่าไร โอกาสในการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดีก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
เพราะความมั่นใจของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique