

“สิวฮอร์โมน” หนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคน โดยเฉพาะสาวๆ ต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ โดยมักจะโผล่มาในช่วงเวลาเดิมซ้ำๆ เช่น ก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome: PMS) ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป รูขุมขนกว้างขึ้น เกิดการอุดตันง่าย และกลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวอุดตันที่รักษายาก สร้างทั้งความกังวลและความรำคาญใจ ข่าวดีก็คือ ปัญหาสิวเหล่านี้สามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ หากเข้าใจถึงสาเหตุ และเลือกวิธีรักษาสิวฮอร์โมนได้อย่างตรงจุด รักษาสิวฮอร์โมน ต้องทำอย่างไร? บทความนี้จาก THE KLINIQUE มีคำตอบ พร้อมแนะนำโปรแกรม ACNE Pro Plus ทางเลือกใหม่ของการรักษาสิวฮอร์โมนอย่างมีประสิทธิภาพภายใน 7 ขั้นตอน


สิวฮอร์โมน คืออะไร
สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) คือสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศอย่างแอนโดรเจน (Androgen) หรือเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) มากกว่าปกติ ส่งผลให้รูขุมขนกว้างและเกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด โดยสิวฮอร์โมนสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ แต่พบบ่อยในผู้หญิงเนื่องจากระดับฮอร์โมนมีความแปรปรวนบ่อยกว่า โดยเฉพาะในช่วงก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome: PMS) ระหว่างมีประจำเดือน ระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด การใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน


ลักษณะของสิวฮอร์โมน
ปัญหาสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย มักมีลักษณะเด่น ดังนี้
- เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ รู้สึกตึง เจ็บ หรือปวดเมื่อสัมผัส บางรายอาจมีสิวหัวหนอง สิวอุดตันหัวปิด หรือสิวหัวดำร่วมด้วย
- มักเกิดซ้ำบริเวณเดิม เช่น บริเวณคาง กรอบหน้า และรอบปาก บางรายอาจพบสิวฮอร์โมนบริเวณลำตัว หน้าอกหรือแผ่นหลังได้เช่นกัน
- สิวฮอร์โมนมักเกิดในช่วงเวลาเดิม โดยในเพศหญิงมักสัมพันธ์กับรอบเดือน ช่วงก่อน (PMS) หรือหลังมีประจำเดือน รวมถึงช่วงร่างกายมีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงที่ทานแป้งและน้ำตาลมากกว่าปกติ หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
สาเหตุ และปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิวฮอร์โมน
สิวฮอร์โมนมีสาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย รวมถึงปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ ดังนี้
- ความเครียด พักผ่อนน้อย ทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุล ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น ซึ่งมีส่วนกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันส่วนเกินมากขึ้น
- การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ของมัน ของทอด ผลิตภัณฑ์จากนมวัว และอาหารแปรรูป
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่กระตุ้นให้เกิดสิว การใช้เครื่องสำอาง สกินแคร์ ที่ก่อให้เกิดการอุดตัน หรือระคายเคืองผิว
- พฤติกรรมดูแลผิวไม่เหมาะสม เช่น ล้างหน้าบ่อยเกินไป การขัดหรือสครับผิวอย่างรุนแรง ทำให้ผิวระคายเคืองและเสียสมดุล จนทำให้เกิดสิวได้ง่าย
- สิวฮอร์โมนที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ และยาทดแทนฮอร์โมน
รวมวิธีรักษาสิวฮอร์โมน
รักษาสิวฮอร์โมนให้ดีขึ้นได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลผิวให้เหมาะสม ร่วมกับการใช้ยารักษาสิว รวมถึงหัตถการทางการแพทย์เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาสิว
- ปรับพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ของหวาน และของทอด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ถั่วและธัญพืชเต็มเมล็ด รวมถึงการดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ และพยายามทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด
- ดูแลทำความสะอาดผิวให้ถูกวิธี ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เหมาะกับสภาพผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ใช้สกินแคร์สูตรบางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน หลีกเลี่ยงการสครับขัดผิวโดยเฉพาะช่วงที่เป็นสิวหนัก และหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการกด แกะ หรือบีบสิวด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดรอยแดง รอยดำและรอยหลุมสิวตามมาได้
- ใช้ยารักษาสิวฮอร์โมนภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เช่น ยาทาสิว ยาปฏิชีวนะ ยาปรับสมดุลฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด และยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids)
- รักษาสิวฮอร์โมนด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น การทำเลเซอร์และบำบัดด้วยแสง การกดสิว ฉีดสิว และการผลัดเซลล์ผิว






จัดการปัญหาสิวฮอร์โมน ลึกถึงต้นตอภายใน 7 ขั้นตอน ด้วยโปรแกรม ACNE Pro Plus ที่ THE KLINIQUE
โปรแกรม ACNE Pro Plus ที่ THE KLINIQUE ออกแบบมาเพื่อดูแลสิวฮอร์โมน และสิวเรื้อรังโดยเฉพาะ ด้วยระบบการรักษาอย่างครอบคลุมทั้งการจัดการสิวเดิมที่มีอยู่ให้ยุบตัวลง ช่วยลดการอักเสบ พร้อมฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ ภายใน 7 ขั้นตอนการดูแลปัญหาสิว โดยแพทย์ประสบการณ์สูง
- การกดสิว โดยผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือเฉพาะที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อเปิดหัวสิวและนำสิ่งอุดตันออกอย่างปลอดภัย
- ฉีดสิว สำหรับสิวที่มีอาการอักเสบ บวม แดง แพทย์จะฉีดยาเข้าสู่หัวสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบ และช่วยให้สิวยุบลงภายใน 1-2 วัน ป้องกันไม่ให้สิวลุกลาม และลดโอกาสการเกิดรอยแดง รอยดำหลังสิวหาย
- ดูดสิวเสี้ยนและสิ่งสกปรก ใช้เครื่องดูดสิวเสี้ยนเพื่อดึงเอาสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ช่วยให้ผิวสะอาด ลดโอกาสเกิดสิวใหม่ และเตรียมผิวให้พร้อมรับการรักษาในขั้นตอนถัดไป
- ฉายแสง LED 2 สี ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และช่วยฟื้นฟูผิว
- แสงสีฟ้า (Blue Light) ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ตัวการหลักที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ
- แสงสีแดง (Red Light) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอักเสบ และกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมผิวให้กลับมาแข็งแรง
- มาสก์สิวสูตรพิเศษจากฝรั่งเศส ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบหลังขั้นตอนการรักษา พร้อมช่วยปรับสมดุลความมันให้ชั้นผิว
- เลเซอร์ลดรอยแดง รอยดำจากสิว ใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงยิงเข้าใต้ชั้นผิวเพื่อช่วยกำจัดเม็ดสีที่ผิดปกติ พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับผิวเรียบเนียน กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
- ยารักษาสิวเฉพาะบุคคล แพทย์สั่งจ่ายยารักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและป้องกันการเกิดสิวใหม่


จัดการปัญหาสิวฮอร์โมนกวนใจ ให้ดีขึ้นได้อย่างตรงจุด ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยโปรแกรม ACNE Pro Plus รักษาปัญหาสิวถึงต้นตอ ครบครันภายใน 7 ขั้นตอน บอกลาปัญหาสิวฮอร์โมนกวนใจ ให้คุณเผยผิวสวยใสได้ในทุกวัน
เพราะความมั่นใจของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique