

วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไม่เพียงแต่ทำให้รูปร่างดูไม่มั่นใจ แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง ไขมันส่วนเกินหน้าท้องมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ การสลายไขมันหน้าท้องจึงไม่ใช่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เพื่อการดูแลสุขภาพระยะยาว หลายคนจึงอาจสงสัยว่าควรเริ่มต้นลดไขมันหน้าท้องอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล วันนี้เรามีวิธีลดไขมันหน้าท้องที่นำไปปรับใช้ได้จริง มาฝากกันค่ะ
ไขมันหน้าท้องเกิดจากอะไร?
ก่อนจะไปถึงวิธีลดไขมันหน้าท้องและสลายไขมันหน้าท้อง ควรเข้าใจก่อนว่าไขมันหน้าท้องเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- พันธุกรรม ทำให้บางคนมีแนวโน้มสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากกว่าคนอื่น
- ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อย
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อฮอร์โมนและการสะสมของไขมัน
- การรับประทานอาหารเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
ไขมันหน้าท้องมีกี่แบบ ?
ไขมันหน้าท้อง แบ่งได้หลัก ๆ 2 แบบ ดังนี้
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) อยู่ใต้ผิวหนังตรงชั้นไขมัน สามารถหยิบจับได้ ส่งผลให้หน้าท้องหนา มีพุง หรือมีห่วงยางรอบเอว จึงจำเป็นต้องลดไขมันหน้าท้อง เพราะถ้าเยอะเกินไป ส่งผลให้รูปร่างไม่กระชับ และอาจเสี่ยงเป็นโรคเมตาบอลิก (metabolic syndrome) หรือภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance)
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) อยู่ลึกเข้าไปในช่องท้องและห่อหุ้มอวัยวะภายใน (เช่น ตับ ลำไส้) มองไม่เห็นจากภายนอก จึงต้องลดไขมันหน้าท้องและสลายไขมันหน้าท้อง เพราะเป็นตัวการทำให้ท้องป่องแข็ง อันตรายต่อสุขภาพมากกว่าไขมันใต้ผิวหนัง เพราะเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไขมันพอกตับ


วิธีลดไขมันหน้าท้อง
- ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม ข้าวขัดสี) ซึ่งมีส่วนทำให้ระดับอินซูลินพุ่งสูง ทำให้ร่างกายเก็บพลังงานเป็นไขมัน โดยงานวิจัยใน The American Journal of Clinical Nutrition (2015) พบว่าการลดปริมาณน้ำตาล จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้เห็นผล
- กินโปรตีนคุณภาพสูง โปรตีนช่วยเพิ่มความอิ่ม ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ มีผลต่อการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน อีกทั้งมีงานวิจัยใน Nutrition & Metabolism (2012) พบว่าการบริโภคโปรตีน 25-30% ของพลังงานต่อวัน จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้
- การฝึกเวทเทรนนิ่งควบคู่กับคาร์ดิโอ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญขณะพัก มีผลต่อการลดไขมันหน้าท้องได้ดีกว่าทำ cardio เพียงอย่างเดียว
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง (เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ) เป็นการเผาผลาญพลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยงานวิจัยใน Medicine & Science in Sports & Exercise (2009) ระบุว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก 150-300 นาที/สัปดาห์ สามารถลดไขมันหน้าท้องได้
- ลดความเครียด เพราะความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น หากระดับคอร์ติซอลสูงเกินไปอาจนำไปสู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนที่เครียดและนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/คืน จะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการมีไขมันในช่องท้องมากขึ้น
ทางเลือกในการสลายไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม Coolsculpting Elite
สำหรับผู้ที่ดูแลตัวเองแล้วแต่ยังมีปัญหาการลดไขมันหน้าท้องสะสมอยู่ อาจพิจารณาโปรแกรมสลายไขมัน ด้วยเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นระดับสูง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ด้วยโปรแกรม Coolsculpting Elite ที่ THE KLINIQUE ที่ใช้ความเย็นทำลายเซลล์ไขมัน พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิที่มีความปลอดภัยสูง ช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องใหญ่ รอบเอวหนา ต้นแขนย้วย ต้นขาเผละและปัญหาไขมันส่วนเกิน จึงเป็นทางเลือกของการลดไขมันหน้าท้องหรือสลายไขมันเฉพาะจุดได้อย่างปลอดภัย โดยสามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้สูงถึง 27-31% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล)






การลดไขมันหน้าท้อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการอดอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมอย่างสมดุล และสามารถเสริมด้วยเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยโปรแกรม Coolsculpting Elite ที่ THE KLINIQUE ซึ่งเน้นสิ่งสำคัญสุดคือประสิทธิภาพการรักษาด้วยการดูแลใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ทั้งรูปร่างที่มั่นใจและสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว
เพราะความมั่นใจของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique









